Secure Erase

จาก NakhonNet
ข้ามไปยัง: นำทาง, ค้นหา

ในการใช้งาน SSD ควรจะทำการ Secure Erase เป็นระยะๆ (ความถี่ขึ้นอยู่กับรุ่นของ SSD แต่โดยทั่วไปแล้ว เพื่อให้จำง่ายก็ควรทำประมาณ 1 ครั้ง/ปี)

ในที่นี้จะใช้คำสั่งบน Command Line ของลินุกซ์ในการทำ Secure Erase โดยจะทำ Secure Erase บนไดรฟ์ CoW ซึ่งตามตัวอย่างก็คือ /dev/sdb

คำเตือน

ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไดรฟ์ที่จะทำ Secure Erase เป็นไดรฟ์ CoW ที่ถูกต้อง เพราะการทำ Secure Erase จะลบข้อมูลทุกอย่างในไดรฟ์ และไม่สามารถกู้ข้อมูลคืนได้

เนื่องจากการทำงานตามเอกสารนี้ เป็นการทำงานโดยใช้คำสั่งมาตรฐาน ซึ่งหากไดรฟ์ไม่รองรับมาตรฐานก็อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ หากไม่แน่ใจว่า SSD รุ่นที่ใช้งานสามารถรองรับมาตรฐานได้ถูกต้อง ก็ให้ทำ Secure Erase โดยใช้โปรแกรมของผู้ผลิตแทน

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานจะต้องรับผิดชอบกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเอง ผู้เขียนไม่รับผิดชอบใดๆ กับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำตามขั้นตอนในเอกสารนี้

เตรียมพร้อม

การทำ Secure Erase สามารถทำได้จาก Console ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรือใช้ ssh เข้าไปจากเครื่องที่ไม่ใช่เครื่องลูกในระบบ Diskless ก็ได้

เมื่อ login ด้วย root เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถทำตามขั้นตอนได้

หยุดระบบ Diskless

ก่อนทำ Secure Erase จะต้องหยุดการทำงานของระบบ Diskless ทั้งหมดก่อน โดยปิดเครื่องลูกในระบบ Diskless ทั้งหมด แล้วสั่งคำสั่งนี้ที่เซิร์ฟเวอร์

root@diskserv:~# /etc/rc.d/init.d/iet stop

รอสักครู่ระบบ Diskless จะหยุดทำงาน จากนั้นให้ปิดการใช้งานพาร์ทิชั่น /cow โดยใช้คำสั่ง

root@diskserv:~# umount /cow

ระบบจะหยุดใช้งานพาร์ทิชั่น /cow

ตรวจสอบไดรฟ์

เมื่อหยุดการทำงานของระบบ Diskless เรียบร้อยแล้ว

root@diskserv:~# hdparm -I /dev/sdb

คำสั่งนี้จะตรวจสอบสถานะของไดรฟ์ เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้อง โดยจะแสดงข้อมูลในหัวข้อ Security ดังนี้

Security: 
        Master password revision code = 65534
                supported
        not     enabled
        not     locked
        not     frozen
        not     expired: security count
        not     supported: enhanced erase
        20min for SECURITY ERASE UNIT. 400min for ENHANCED SECURITY ERASE UNIT.

ให้ตรวจสอบตรงบรรทัด not enabled ซึ่งแสดงว่ายังไม่มีการใส่รหัสผ่าน และบรรทัด not frozen ซึ่งหมายความว่าไดรฟ์ยังคงใช้งานอยู่

หากสองบรรทัดนี้ไม่มีคำ not นำหน้า นั่นคือมีเฉพาะคำว่า enabled หรือเฉพาะคำว่า frozen เท่านั้น ไม่ควรทำขั้นต่อไป ให้ใช้วิธีในหัวข้อ #fstrim แทน

ทำ Secure Erase

การทำ Secure Erase มีสองขั้นตอน คือ กำหนดรหัสผ่าน และสั่ง Secure Erase (ซึ่งต้องระบุรหัสผ่าน) โดยเมื่อ Secure Erase เสร็จ ไดรฟ์จะลบรหัสผ่านออกด้วย

การกำหนดรหัสผ่านให้ใช้คำสั่งนี้ (ในที่นี้จะกำหนดรหัสผ่านว่า pass)

root@diskserv:~# hdparm --user-master u --security-set-pass pass /dev/sdb
security_password="pass"

/dev/sdb:
Issuing SECURITY_SET_PASS command, password="pass", user=user, mode=high

จากนั้นให้ตรวจสอบว่ามีการกำหนดรหัสผ่านโดยใช้คำสั่งนี้อีกครั้ง

root@diskserv:~# hdparm -I /dev/sdb

ซึ่งสถานะจะต้องเปลี่ยนไปโดยบรรทัด not enabled จะต้องเปลี่ยนเป็น enable ดังนี้

Security: 
        Master password revision code = 65534
                supported
                enabled
        not     locked
        not     frozen
        not     expired: security count
        not     supported: enhanced erase
        20min for SECURITY ERASE UNIT. 400min for ENHANCED SECURITY ERASE UNIT.

ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการสั่ง Secure Erase โดยใช้คำสั่งนี้

root@diskserv:~# hdparm --user-master u --security-erase pass /dev/sdb
security_password="pass"

 /dev/sdb:
Issuing SECURITY_ERASE command, password="pass", user=user

คำสั่งนี้จะเป็นการเขียนข้อมูลทับทั้งไดรฟ์ ซึ่งกรณี SSD จะใช้เวลาไม่นานนัก (ทดสอบกับ OCZ Vertex4 128 GB ใช้เวลาประมาณ 15 วินาที)

จากนั้นให้ตรวจสอบว่าการทำ Secure Erase เสร็จสมบูรณ์ โดยใช้คำสั่งนี้อีกครั้ง

root@diskserv:~# hdparm -I /dev/sdb

ซึ่งสถานะจะต้องเปลี่ยนไปโดยบรรทัด enabled จะต้องเปลี่ยนกลับเป็น not enable ดังนี้

Security: 
        Master password revision code = 65534
                supported
        not     enabled
        not     locked
        not     frozen
        not     expired: security count
        not     supported: enhanced erase
        20min for SECURITY ERASE UNIT. 400min for ENHANCED SECURITY ERASE UNIT.

ก็เป็นอันเสร็จสิ้นในการทำ Secure Erase ให้เริ่มระบบตามขั้นตอนในหัวข้อ #นำไดรฟ์กลับมาใช้งาน

fstrim

หาก SSD อยู่ในสถานะ frozen ซึ่งไม่สามารถทำ Secure Erase ได้ ก็ยังสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพได้โดยการใช้ fstrim แทน โดยเริ่มจากปิดเครื่องลูกทั้งหมด แล้วหยุดระบบ Diskless โดยใช้คำสั่ง

root@diskserv:~# /etc/rc.d/init.d/iet stop

รอสักครู่ระบบ Diskless จะหยุดทำงาน จากนั้นให้ลบไฟล์ CoW ทั้งหมด โดยใช้คำสั่ง

root@diskserv:~# rm /cow/*

จากนั้นใช้คำสั่ง fstrim ดังนี้

root@diskserv:~# fstrim -v /cow
/cow: 125963124736 bytes was trimmed

สังเกตตัวเลขบอกไบต์ที่โปรแกรมได้ทำการ trim ควรจะมีขนาดใกล้เคียงกับขนาดของ SSD

หากเนื้อที่ที่โปรแกรม trim ได้มีขนาดน้อยกว่าขนาดของ SSD มากๆ ให้ unmount และ mount ไดเรกทอรี CoW โดยใช้คำสั่ง

root@diskserv:~# umount /cow
root@diskserv:~# mount /cow

จากนั้นให้สั่ง fstrim อีกครั้ง

เมื่อ trim เรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มระบบตามหัวข้อ #เริ่มระบบ Diskless

นำไดรฟ์กลับมาใช้งาน

การนำไดรฟ์กลับมาใช้งาน จะมี 4 ขั้นตอน คือ

สร้างพาร์ทิชั่น

ทำตามขั้นตอนในหัวข้อ ปรับแต่ง Filesystem#สร้างพาร์ทิชั่น

ฟอร์แมตพาร์ทิชั่น

ทำตามขั้นตอนในหัวข้อ ปรับแต่ง Filesystem#ฟอร์แมตพาร์ทิชั่น

นำพาร์ทิชั่นกลับมาใช้งาน

ใช้คำสั่งต่อไปนี้ในการนำพาร์ทิชั่นกลับมาใช้งาน

root@diskserv:~# mount /cow

เริ่มระบบ Diskless

ใช้คำสั่งต่อไปนี้ในการเริ่มใช้ระบบ Diskless

root@diskserv:~# /etc/rc.d/init.d/iet start

View/Edit Diskless Server
ภาพรวม หลักการทำงาน - Hardware - Software
ติดตั้ง Server ติดตั้ง Slackware64 13.37 บูต - แบ่งพาร์ทิชั่น - เตรียมฮาร์ดดิสก์ - ติดตั้งแพ็กเกจ - ติดตั้ง Lilo - กำหนดค่าเน็ตเวิร์ก - กำหนดรหัสผ่าน - Slackware64 14.0
ปรับแต่ง Slackware Linux การใช้งานเบื้องต้น - คอมไพล์ Kernel - สร้างไดเรกทอรี - ปรับแต่ง Filesystem - ปรับแต่งแพ็กเกจ - เพิ่มการเรียก dhcpd
ปรับแต่ง Network กำหนดชื่อ Device - ทำ Network Bonding - กำหนดค่า Network
RAID สร้างพาร์ทิชั่น - สร้าง RAID - ไม่ใช้ RAID
กำหนดค่า Service NTPD - NAMED - TFTPD
โปรแกรม iSCSI Enterprise Target - iPXE
โปรแกรมจัดการระบบ Apache - MySQL - PhpMyAdmin - CakePHP - Disk Serve Manager (อัปเกรด)
ติดตั้ง Client ติดตั้ง Windows XP - ติดตั้ง iSCSI - ปรับแต่ง Windows XP - คัดลอกดิสก์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ - Windows 7 64-bit
การใช้งาน ภาพรวม นิยาม - ไฟล์ Config และ Script
การกำหนดค่า Config - Cluster - Alternative - Computer - ตัวอย่าง
การใช้งาน หน้าจอหลัก - Mode การใช้งาน - ปรับปรุง Image - สำรอง Image - ขยายขนาด Image - ใช้หลาย Server
โปรแกรมเสริม ปรับแต่งเครื่องลูกขณะบูต - ฟอร์แมตไดรฟ์เสริม
การแก้ไขปัญหา FAQ - ไฟล์กำหนดค่า - ไฟล์บันทึกการทำงาน - Secure Erase